tencent

• efKtQE3FBl
• 2024-05-13 06:51:06

tencent

ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ ทยอยลดพอร์ต หรือ Selective Buy ในหุ้นกลุ่ม High Interim Dividend สูง ซึ่งจะขึ้นเครื่องหมายในช่วง 2 เดือนนี้เลือก SPRC (Div Yield 4% XD 27 ส.ค.), ROJNA (Div Yield 3.8% XD 29 ส.ค.), LH (Div Yield 3.4% XD 28 ส.ค.), TSR (Div Yield 3.3% XD 28 ส.ค.), KCAR (Div Yield 3.0% XD 28 ส.ค.), SENA (Div Yield 2.9% XD 28 ส.ค.), PSH (Div Yield 2.6% XD 23 ส.ค.), MAJOR (Div Yield 2.5% XD 29 ส.ค.), QH (Div Yield 2.3% XD 24 ส.ค.), ANAN (Div Yield 2.3% XD 22 ส.ค.), SMPC (Div Yield 2.2% XD 23 ส.ค.) และ  AH (Div Yield 2.2% XD 29 ส.ค.)

การแข่งขันที่สูงส่งผลกระทบต่ออัตราส่วนกำไร ฟิทช์มองว่าการแข่งขันในตลาดปูนซีเมนต์ในประเทศจะรุนแรงขึ้นในปี 2559 จากกำลังการผลิตใหม่ที่เข้ามาในตลาด อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่ายภาษีค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายต่อรายได้ (EBITDA margin)ของ SCCC น่าจะลดลงเนื่องจากการรักษาส่วนแบ่งทางการตลาดโดยฟิทช์คาดว่า EBITDA margin ของบริษัทฯ จะปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ระดับร้อยละ 21-22 ในปี 2559 จากที่เคยอยู่ที่ระดับร้อยละ 23-24 ในปี 2556-2558 ซึ่งน่าจะเป็นการปรับลดลงชั่วคราวจนกว่าอุปสงค์ในประเทศจะเติบโตขึ้นและรองรับอุปทานที่เพิ่มขึ้นได้ในปี 2560

หุ้นที่น่าสนใจทางเทคนิคESSO ซื้อ ราคาหุ้นดีดขึ้นต่อหลังทะลุกรอบ Bullish Flag พร้อมปริมาณการซื้อขายเพิ่มสูงขึ้น ขณะที่เครื่องมือ MACD เป็นบวกตัด Signal ขึ้น เป็นจังหวะซื้อเก็งกำไร มีแนวต้านที่ 12.50 บาทและถัดไปที่ 13.10 บาท หากยืนเหนือ 12.20 บาทได้จะทำรูปแบบ Cup with Hale มีเป้าหมายระยะกลางตามรูปแบบบริเวณ 15 บาทAU ซื้อ ราคาหุ้นดีดตัวขึ้นด้วยแท่งเทียน Rising Three Method ด้วยปริมาณการซื้อขายกลับมาสูงขึ้นหลังพักตัวที่แนว EMA200 วัน สอดคล้องกับ ADX ชี้ขึ้นทำจุดสูงใหม่ยืนยันแนวโน้มเป็นจังหวะซื้อเก็งกำไร มีแนวต้านแรกที่ 9.75 บาท ถัดไปที่ 10บาท

โครงการที่อยู่อาศัยของบริษัทเน้นลูกค้าที่มีรายได้ในระดับปานกลางถึงสูง ซึ่งมีราคาขายเฉลี่ยต่อหลังอยู่ที่ 7.6 ล้านบาท ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2558 บริษัทมีโครงการที่อยู่อาศัยจำนวน 34 โครงการ ด้วยมูลค่าเหลือขายประมาณ 27,100 ล้านบาท และมียอดขายรอการส่งมอบประมาณ 9,600 ล้านบาท โดยจะทยอยส่งมอบให้แก่ลูกค้าในช่วงปี 2558-2560 ในช่วงปี 2557 ถึงไตรมาสแรกของปี 2558 รายได้จากโครงการแนวราบยังคงเป็นแหล่งรายได้หลักของบริษัทซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 55% ของรายได้รวม ในขณะที่รายได้จากคอนโดมิเนียมคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 38% ส่วนรายได้จากค่าเช่าอยู่ที่ประมาณ 7% ของรายได้รวม