ผล บ ล สด
ด้านนายถนอมศักดิ์ สหรัตน์ชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายวิจัย บล.เคที ซีมิโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ปรับตัวลงในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่ต่างปรับตัวลงกัน หลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ เตรียมเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนอีก 10% คิดเป็นมูลค่า 3 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยจะเริ่มเก็บวันที่ 1 ก.ย.นี้ ซึ่งที่จริงไม่ค่อยเกี่ยวข้องกับไทยเท่าไร จึงไม่ห่วงเรื่องสงครามการค้า แต่ที่น่าเป็นห่วงเป็นเรื่องเหตุการณ์ระเบิดในกรุงเทพฯวันนี้ เพราะตรงนี้กำหนดความเสี่ยงไม่ได้
เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมานี้ S50M18 เจอแรงรีบาวด์ทำให้แกว่งขึ้นต่อ โดยปิด +5.6 จุด เราเริ่มเห็นสัญญาณเชิงบวกในกราฟ 120 นาทีของดัชนีดังนี้ 1) S50M18 เริ่มทำ Price Pattern แบบ Double Bottom 2) RSI เริ่มยกฐาน Low ขึ้น และ 3) Modified Stochastic นอกจากยกฐาน Low ขึ้น เช่นเดียวกับ RSI แล้ว ยังพบว่า %K ตัด %D ขึ้น ดังนั้นมองโอกาสขึ้นเป็นต่อ โดยมองแนวต้านที่ดัชนีมีโอกาสขึ้นทดสอบ 1) 1,178 จุด แนวต้านกรอบบน Bollinger Band และ 2) 1,190 จุด แนวต้านกรอบบน Sideway จึงมองเป็นจังหวะเข้าเปิดสถานะ Long หวังรีบาวด์ต่อ
ในส่วนของการผลิตสินค้า ช่วงนี้ถือว่าเป็นไฮซีซั่นของการปลูกข้าวโพดหวาน ส่งผลให้บริษัทฯได้ปริมาณผลผลิตข้าวโพดหวานค่อนข้างมากเมื่อเทียบกับช่วงอื่นๆของปี ประกอบบริษัทได้ดำเนินการติดตั้งเครื่องจักรผลิตข้าวโพดหวานแช่แข็ง (Frozen) แล้วเสร็จตามกำหนด ซึ่งสามารถเพิ่มการผลิตได้อย่างเต็มประสิทธิภาพและขยายกำลังการผลิตได้จากเดิม 3 เท่า หรือ ประมาณ 20,000 ตันต่อปี ทำให้บริษัทสามารถควบคุมต้นทุนการผลิตได้ดีขึ้น และมีความมั่นใจในกำลังการผลิตสินค้าที่เพียงพอต่อความต้องการของลูกค้าทั้งในและต่างประเทศ นายองอาจ กล่าว
ด้านการโอนโครงการในปีนี้มองว่าจะได้รับผลกระทบบ้างจากกลุ่มลูกค้าชาวต่างชาติที่มีสัดส่วนราว 40% ชะลอการโอนออกไป จากผลของการปิดล็อกดาวน์ประเทศ และยังต้องติดตามว่าในช่วงครึ่งปีหลังลูกค้าต่างชาติจะสามารถเริ่มกลับมาเดินทางเข้าประเทศไทยได้ในช่วงใด และในช่วงไตรมาส 4/63 บริษัทจะเริ่มทยอยโอนโครงการคอนโดมิเนียม THE ESSE สุขุมวิท 36 มูลค่า 6.5 พันล้านบาท ซึ่งเป็นโครงการร่วมทุนกับฮ่องกงแลนด์ จากที่ขายไปแล้ว 60% ขณะที่โครงการสันติบุรี เดอะ เรสซิเดนเซส การขายยังคงทรงตัวอยู่ที่ 15% จากจำนวนวิลล่าทั้งหมด 26 ยูนิต
ทั้งนี้ มอง KTC เป็นหุ้นที่อิงกับการจับจ่ายใช้สอย ทั้งการซื้อขายผ่านร้านตามปกติ และ Online ที่มีการเติบโตต่อเนื่อง โดยประมานการกำไรสุทธิของ KTC ปี 2561-2562 ที่ 4.9 พันล้านบาท และ 5.4 พันล้านบาทตามลำดับ โดยการปรับลดการตั้งสำรองในปี 2561-2562 ลง เพื่อสะท้อน coverage ratio ที่คาดว่าจะลดลงจากการตั้งสำรองในอดีตที่สูง และเพียงพอต่อมาตรฐานบัญชีใหม่ IFRS9 ซึ่งมองว่าบริษัทมีความสามารถในการติดตามหนี้ที่ดีขึ้น ส่งผลให้ปรับเพิ่มรายได้หนี้สูญรับคืนในปี 2561-2562 ที่ 16% และ 6% พร้อมให้ราคาที่เหมาะสม 363 บาท
ผล บ ล สด pokdeng 89
GmqMUI182V